วิจัยพบ มนุษย์สูบน้ำบาดาลมากเกินไป จน “แกนโลกเปลี่ยน”

เป็นที่ทราบกันดีว่า โลกของเราไม่ได้ตั้งตรงเป๊ะ ๆ แต่ทำมุมเอียงประมาณ 23.5 องศา และที่ผ่านมาก็ได้มีการตั้งสมมติฐานมาโดยตลอดว่า พฤติกรรมหลายอย่างของมนุษย์บนโลก กำลังทำให้แกนโลกเกิดความเปลี่ยนแปลง

ล่าสุดผลการวิจัยใหม่เปิดเผยว่า “การสูบน้ำบาดาล” จากแหล่งสำรองใต้ผิวดินตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อแกนโลก (Axis) โดยทำให้แกนโลกเอียงไปทางทิศตะวันออกในอัตราประมาณ 4.3 เซนติเมตรต่อปี

น้ำบาดาลถือเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคที่สำคัญสำหรับผู้คนและปศุสัตว์ในฟาร์ม และช่วยในการชลประทานพืชผลเมื่อฝนขาดแคลน อย่างไรก็ตาม งานวิจัยชิ้นใหม่แสดงให้เห็นว่า การดึงน้ำใต้ดินมาใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายทศวรรษได้สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อโลก

นักวิจัยระบุว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสามารถสังเกตได้แม้กระทั่งจากบนพื้นผิวโลก เนื่องจากมีส่วนทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้น

อนามัยโลกเตือน โรคติดเชื้อไวรัสจะรุนแรงขึ้นหลังเกิดเอลนีโญ

คริสปี้ครีมญี่ปุ่น จับมือโรงกลั่นสุรา พัฒนา “ยินจากเศษโดนัทเหลือทิ้ง”

สายฟ้าสีเขียว! นาซาจับภาพ “ปรากฏการณ์ฟ้าผ่า” บนดาวพฤหัสบดี

ซอ กี-วอน ศาสตราจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์โลก มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมวิจัย กล่าวว่า “แกนหมุนของโลกเปลี่ยนไปมากจริง ๆ … การศึกษาของเราแสดงให้เห็นว่า ในเรื่องของสาเหตุการเกิดวิกฤตสภาพอากาศนั้น การสูบน้ำบาดาลมีผลกระทบมากที่สุดต่อการเคลื่อนตัวของแกนหมุน”

สุเรนทรา อธิการี นักวิทยาศาสตร์จากห้องปฏิบัติการขององค์การนาซา (NASA) ซึ่งไม่มีส่วนร่วมในงานวิจัย กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงฤดูกาลต่าง ๆ ของโลกมีความเชื่อมโยงกับมุมของแกนหมุนรอบตัวเองของโลก และเมื่อเวลาผ่านไป แกนหมุนอาจส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศในระดับโลกได้

ภายในของโลกประกอบด้วยหินและหินหนืดล้อมรอบแกนกลางที่ร้อนและหนาแน่น แต่ที่ชั้นหินชั้นนอกสุดก็มี “น้ำ” ปริมาณมากเช่นกัน โดยที่ใต้พื้นผิวโลกมีแหล่งน้ำในชั้นหินที่เรียกว่า “ชั้นหินอุ้มน้ำ” (Aquifer) ซึ่งคาดว่าจะมีน้ำมากกว่าแม่น้ำและทะเลสาบบนพื้นผิวดินทั้งหมดมากกว่า 1,000 เท่า

ทีมวิจัยได้ทำการศึกษาการเอียงของแกนโลกในระหว่างปี 1993-2010 พบว่า มนุษย์สูบเอาน้ำใต้ดินไปจากภายในของโลกมากกว่า 2,150 กิกะตัน ส่วนใหญ่อยู่ที่ทางตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือ และทางตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย ซึ่งเมื่อทำการเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ปริมาณน้ำดังกล่าว หากไหลลงสู่มหาสมุทร จะทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลกสูงขึ้นประมาณ 6 มิลลิเมตร

ซอบอกว่า ในความเป็นจริงแล้ว การเปลี่ยนแปลงของมวลใด ๆ บนโลก แม้แต่ความกดอากาศ อาจส่งผลต่อแกนหมุนของโลกได้

แต่การเปลี่ยนแปลงของแกนที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของความดันบรรยากาศจะเกิดขึ้นเป็นระยะ ซึ่งหมายความว่า แกนหมุนจะเคลื่อนที่และกลับสู่ตำแหน่งเดิม แต่การเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ก็ทำแกนโลกเอียงเพิ่มขึ้นในระยะยาวได้

การเปลี่ยนแปลงของแกนโลกสามารถวัดได้ทางอ้อมผ่านการสังเกตการณ์ด้วยกล้องโทรทรรศน์วิทยุของวัตถุเคลื่อนที่ไม่ได้ในอวกาศ ซึ่งก็คือควาซาร์ โดยใช้เป็นจุดอ้างอิงคงที่ สำหรับการศึกษาครั้งใหม่นี้ นักวิทยาศาสตร์ได้นำข้อมูลปี 2010 เกี่ยวกับการสูบน้ำบาดาลมารวมไว้ในแบบจำลองคอมพิวเตอร์ ควบคู่ไปกับข้อมูลเชิงสังเกตเกี่ยวกับการสูญเสียน้ำแข็งบนพื้นผิวและการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล และการประมาณการเปลี่ยนแปลงของแกนหมุน

จากนั้น นักวิจัยได้ประเมินความแปรผันของระดับน้ำทะเล “โดยใช้การเปลี่ยนแปลงมวลน้ำใต้ดินจากแบบจำลอง” เพื่อระบุว่า มีการเปลี่ยนแปลงของแกนโลกมากน้อยเพียงใดที่เกิดจากการสูบน้ำใต้ดินเพียงอย่างเดียว

 วิจัยพบ มนุษย์สูบน้ำบาดาลมากเกินไป จน “แกนโลกเปลี่ยน”

พวกเขาพบว่า การสูบน้ำบาดาลทำให้แกนหมุนของโลกเอียงไปทางทิศตะวันออกมากกว่า 78.7 เซนติเมตรภายในเวลาไม่ถึง 2 ทศวรรษ หรือประมาณ 4.3 เซนติเมตรต่อปีคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง อันดับ1

ซอกล่าวว่า การสร้างแบบจำลองใหม่นี้แสดงให้เห็นว่า การสูบน้ำบาดาลเป็นปัจจัยสำคัญ รองลงมาจากการไหลของเนื้อโลก ซึ่งเป็นการเคลื่อนที่ของหินหลอมเหลวในชั้นระหว่างเปลือกโลกและแก่นโลกชั้นนอก

เป็นความจริงว่า การสูบน้ำบาดาลสามารถช่วยชีวิตต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภัยแล้ง แต่นักวิจัยเตือนว่า น้ำสำรองใต้พิภพมีจำกัด เมื่อสูบออกมาแล้วจะทดแทนใหม่ได้ช้า และการสูบน้ำบาดาลไม่เพียงทำให้ทรัพยากรอันมีค่าหมดไปเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อทั้งโลกด้วย

“เราได้สร้างผลกระทบต่อระบบโลกในหลาย ๆ ทาง ผู้คนต้องตระหนักในเรื่องนี้” ซอกล่าว

เรียบเรียงจาก CNN

ภาพจาก AFP

You May Also Like

More From Author